ในสถานประกอบกิจการที่มีการใช้รถยกหรือโฟล์คลิฟท์ (Forklift) เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงาน การประเมินความเสี่ยงก่อนเริ่มงานมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากรถยกจัดอยู่ในกลุ่มอุปกรณ์ที่มีศักยภาพก่อให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ง่ายหากไม่มีมาตรการควบคุมที่ดี หนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงดังกล่าวคือการใช้ Job Safety Analysis (JSA) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า Job Hazard Analysis (JHA)
หลักการของ Job Safety Analysis (JSA)
Job Safety Analysis (JSA) เป็นกระบวนการวิเคราะห์งานในแต่ละขั้นตอน เพื่อระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นและกำหนดมาตรการควบคุมความเสี่ยงก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติงาน โดยทั่วไปประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
-
การเลือกงานที่มีความเสี่ยงสูงหรือกิจกรรมเฉพาะ
เช่น งานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร งานในที่สูง งานในที่อับอากาศ หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งวัสดุ -
การแบ่งขั้นตอนการทำงาน
วิเคราะห์และแยกกระบวนการทำงานออกเป็นขั้นตอนย่อย เพื่อให้สามารถประเมินอันตรายที่แฝงอยู่ในแต่ละขั้นตอนได้ชัดเจน -
การระบุอันตราย
พิจารณาปัจจัยที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น การลื่นล้ม การถูกชน เครื่องจักรขัดข้อง สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม หรือพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ปฏิบัติงาน -
การกำหนดมาตรการควบคุม
เสนอแนวทางป้องกันหรือควบคุมความเสี่ยง เช่น การใช้ PPE การอบรมพนักงาน การติดป้ายเตือน การทำ Lockout/Tagout และการจัดเส้นทางเดินรถ
ทำไมการขับรถยกจึงควรมี JSA?
การขับรถยกดูเหมือนเป็นงานประจำวันของโรงงานหรือคลังสินค้า แต่ในทางปฏิบัติกลับมีความเสี่ยงสูงจากหลายปัจจัย อุบัติเหตุจากการขับรถยกมักเกิดจากการประเมินความเสี่ยงไม่รอบด้าน เช่น
-
พื้นที่ทำงานมีความแออัด
-
การมองเห็นไม่ชัดเจนจากพาเลตหรือสิ่งของที่บรรทุก
-
การเคลื่อนที่ของบุคลากรร่วมกับรถยก
-
สภาพพื้นผิว เช่น พื้นลื่น พื้นต่างระดับ
JSA ช่วยให้ผู้ควบคุมงานหรือพนักงานสามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงเหล่านี้ได้ล่วงหน้า และกำหนดแนวทางลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้อย่างเหมาะสม
การนำ JSA มาวิเคราะห์การขับรถยกในพื้นที่เฉพาะ
1. พื้นที่สูงหรือชั้นลอย
-
ความเสี่ยง: การพลิกคว่ำจากน้ำหนักที่ไม่สมดุล, การพุ่งตกจากชั้นลอย
-
แนวทางควบคุม: จำกัดน้ำหนักบรรทุก, ใช้พนักงานช่วยดูทาง, ใช้อุปกรณ์ล็อกล้อ, ติดป้ายเตือน
2. พื้นลื่นหรือพื้นต่างระดับ
-
ความเสี่ยง: รถเสียการควบคุม, สินค้าหล่นหลุด, ผู้ขับลื่นไถล
-
แนวทางควบคุม: ใช้ความเร็วต่ำ, ตรวจสอบพื้นก่อนใช้งาน, ใส่รองเท้ากันลื่น, ติดตั้งยางกันกระแทก
3. บริเวณแออัดหรือทางแคบ
-
ความเสี่ยง: ชนพนักงาน, ชนสิ่งของ, ถอยหลังไม่เห็นทาง
-
แนวทางควบคุม: ใช้ผู้ช่วยนำทาง, ใช้สัญญาณเสียงเตือน, จำกัดโซนเฉพาะสำหรับรถยก
ตัวอย่าง JSA สำหรับการขับรถยกในสถานการณ์เฉพาะ
1. การยกพาเลต
ขั้นตอนงาน | อันตรายที่อาจเกิดขึ้น | มาตรการควบคุม |
---|---|---|
ตรวจสอบพาเลตก่อนยก | พาเลตชำรุด เสี่ยงต่อการหักหรือพัง | ตรวจสอบสภาพก่อนใช้งาน |
ขับรถเข้าหาพาเลต | ชนสิ่งของหรือบุคคล | ชะลอความเร็ว ใช้สัญญาณเตือน |
ยกพาเลตขึ้นรถ | พาเลตเอียง, สินค้าหล่น | จัดวางให้สมดุลก่อนยก |
เคลื่อนย้ายไปยังจุดหมาย | ชนสิ่งของ, พื้นต่างระดับ | วางแผนเส้นทาง ตรวจสอบพื้นที่ |
ขั้นตอนงาน | อันตรายที่อาจเกิดขึ้น | มาตรการควบคุม |
---|---|---|
วางแผนยกสินค้า | ไม่สามารถยกได้อย่างสมดุล | ใช้สายรัดหรืออุปกรณ์พิเศษ |
ยกสินค้าเข้าส้อมยก | สินค้าหล่นเพราะจุดศูนย์ถ่วงผิด | ปรับตำแหน่งให้เหมาะสมก่อนยก |
เคลื่อนย้ายสินค้า | สินค้าติดแนวทาง | ใช้ผู้ช่วยนำทาง ตรวจสอบขนาดพื้นที่ |
ขั้นตอนงาน | อันตรายที่อาจเกิดขึ้น | มาตรการควบคุม |
---|---|---|
เล็งตำแหน่งช่องวางสินค้า | การกะระยะผิดพลาด | ฝึกฝนการควบคุมพวงมาลัยอย่างแม่นยำ |
ถอยเข้าชั้นวาง | ชนชั้นวางหรือทำสินค้าหล่น | ใช้ผู้ช่วยชี้ทาง, ติดตั้งกล้องหลัง |
ยกสินค้าขึ้นวาง | พาเลตไม่พอดีกับชั้นวาง | ตรวจสอบขนาดพาเลตก่อนยกเข้าชั้น |
ข้อดีของการทำ JSA กับงานขับรถยก
-
ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของพนักงาน
-
ป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สิน เช่น ชั้นวาง พาเลต และสินค้า
-
สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร
-
ใช้เป็นเอกสารประกอบในการฝึกอบรมพนักงานใหม่
-
เสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริหารว่าองค์กรมีการบริหารจัดการความเสี่ยงเชิงระบบ
การอบรมและใบเซอร์โฟล์คลิฟท์: ปัจจัยสนับสนุนความปลอดภัย
แม้การทำ JSA จะช่วยลดอุบัติเหตุได้อย่างมาก แต่สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ “ทักษะของผู้ขับ” การอบรมและมีใบเซอร์รับรองการขับรถยกตามกฎหมายแรงงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพนักงานทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบันมีศูนย์ฝึกอบรมหลายแห่งที่ได้รับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ซึ่งผู้สนใจสามารถค้นหาใบเซอร์โฟล์คลิฟท์ได้จากแหล่งฝึกอบรมที่มีคุณภาพ
(อ่านต่อที่: ใบเซอร์โฟล์คลิฟท์สามารถหาได้จากที่ไหน)
สรุป
การนำ Job Safety Analysis (JSA) มาใช้กับกิจกรรมการขับรถยก ไม่เพียงแต่ช่วยวิเคราะห์และควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากลักษณะงานและพื้นที่ปฏิบัติงาน แต่ยังช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของสถานประกอบกิจการโดยรวม ทั้งนี้ องค์กรควรบูรณาการการใช้ JSA เข้ากับกระบวนการอบรมผู้ขับรถยก และจัดให้มีการประเมินซ้ำเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่ามาตรการควบคุมต่าง ๆ ยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันอุบัติเหตุ
อ้างอิง
-
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2565). แนวทางการปฏิบัติงานของรถยกในสถานประกอบกิจการ
-
Occupational Safety and Health Administration (OSHA). (n.d.). Job Hazard Analysis. Retrieved from https://www.osha.gov/publications/osha3071
-
International Labour Organization (ILO). (2021). Forklift Safety Guidelines.
-
สมาคมความปลอดภัยในการทำงาน. (2564). คู่มือความปลอดภัยของผู้ขับรถยก.
-
Wong, P. (2022). “Reducing Risks of Forklift Operation in Narrow Spaces,” Journal of Industrial Safety and Engineering, 12(3), 45–59.