เรียนรู้เรื่องความปลอดภัยในการทำงานได้ทุกวันกับเว็บไซต์ของเรา ที่จะช่วยให้คุณมั่นใจในการทำงาน

ทำไมงานขับรถยกต้องมี JSA วิเคราะห์ความเสี่ยงก่อนใช้โฟล์คลิฟท์

by pam
18 views
ทำไมงานขับรถยกต้องมี JSA

ในสถานประกอบกิจการที่มีการใช้รถยกหรือโฟล์คลิฟท์ (Forklift) เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงาน การประเมินความเสี่ยงก่อนเริ่มงานมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากรถยกจัดอยู่ในกลุ่มอุปกรณ์ที่มีศักยภาพก่อให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ง่ายหากไม่มีมาตรการควบคุมที่ดี หนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงดังกล่าวคือการใช้ Job Safety Analysis (JSA) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า Job Hazard Analysis (JHA)

หลักการของ Job Safety Analysis (JSA)

Job Safety Analysis (JSA) เป็นกระบวนการวิเคราะห์งานในแต่ละขั้นตอน เพื่อระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นและกำหนดมาตรการควบคุมความเสี่ยงก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติงาน โดยทั่วไปประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

  1. การเลือกงานที่มีความเสี่ยงสูงหรือกิจกรรมเฉพาะ
    เช่น งานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร งานในที่สูง งานในที่อับอากาศ หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งวัสดุ

  2. การแบ่งขั้นตอนการทำงาน
    วิเคราะห์และแยกกระบวนการทำงานออกเป็นขั้นตอนย่อย เพื่อให้สามารถประเมินอันตรายที่แฝงอยู่ในแต่ละขั้นตอนได้ชัดเจน

  3. การระบุอันตราย
    พิจารณาปัจจัยที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น การลื่นล้ม การถูกชน เครื่องจักรขัดข้อง สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม หรือพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ปฏิบัติงาน

  4. การกำหนดมาตรการควบคุม
    เสนอแนวทางป้องกันหรือควบคุมความเสี่ยง เช่น การใช้ PPE การอบรมพนักงาน การติดป้ายเตือน การทำ Lockout/Tagout และการจัดเส้นทางเดินรถ

ทำไมการขับรถยกจึงควรมี JSA?

การขับรถยกดูเหมือนเป็นงานประจำวันของโรงงานหรือคลังสินค้า แต่ในทางปฏิบัติกลับมีความเสี่ยงสูงจากหลายปัจจัย อุบัติเหตุจากการขับรถยกมักเกิดจากการประเมินความเสี่ยงไม่รอบด้าน เช่น

  • พื้นที่ทำงานมีความแออัด

  • การมองเห็นไม่ชัดเจนจากพาเลตหรือสิ่งของที่บรรทุก

  • การเคลื่อนที่ของบุคลากรร่วมกับรถยก

  • สภาพพื้นผิว เช่น พื้นลื่น พื้นต่างระดับ

JSA ช่วยให้ผู้ควบคุมงานหรือพนักงานสามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงเหล่านี้ได้ล่วงหน้า และกำหนดแนวทางลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้อย่างเหมาะสม

การนำ JSA มาวิเคราะห์การขับรถยกในพื้นที่เฉพาะ

การนำ JSA มาวิเคราะห์การขับรถยกในพื้นที่เฉพาะ

1. พื้นที่สูงหรือชั้นลอย

  • ความเสี่ยง: การพลิกคว่ำจากน้ำหนักที่ไม่สมดุล, การพุ่งตกจากชั้นลอย

  • แนวทางควบคุม: จำกัดน้ำหนักบรรทุก, ใช้พนักงานช่วยดูทาง, ใช้อุปกรณ์ล็อกล้อ, ติดป้ายเตือน

2. พื้นลื่นหรือพื้นต่างระดับ

  • ความเสี่ยง: รถเสียการควบคุม, สินค้าหล่นหลุด, ผู้ขับลื่นไถล

  • แนวทางควบคุม: ใช้ความเร็วต่ำ, ตรวจสอบพื้นก่อนใช้งาน, ใส่รองเท้ากันลื่น, ติดตั้งยางกันกระแทก

3. บริเวณแออัดหรือทางแคบ

  • ความเสี่ยง: ชนพนักงาน, ชนสิ่งของ, ถอยหลังไม่เห็นทาง

  • แนวทางควบคุม: ใช้ผู้ช่วยนำทาง, ใช้สัญญาณเสียงเตือน, จำกัดโซนเฉพาะสำหรับรถยก

ตัวอย่าง JSA สำหรับการขับรถยกในสถานการณ์เฉพาะ

1. การยกพาเลต

ขั้นตอนงาน อันตรายที่อาจเกิดขึ้น มาตรการควบคุม
ตรวจสอบพาเลตก่อนยก พาเลตชำรุด เสี่ยงต่อการหักหรือพัง ตรวจสอบสภาพก่อนใช้งาน
ขับรถเข้าหาพาเลต ชนสิ่งของหรือบุคคล ชะลอความเร็ว ใช้สัญญาณเตือน
ยกพาเลตขึ้นรถ พาเลตเอียง, สินค้าหล่น จัดวางให้สมดุลก่อนยก
เคลื่อนย้ายไปยังจุดหมาย ชนสิ่งของ, พื้นต่างระดับ วางแผนเส้นทาง ตรวจสอบพื้นที่
ขั้นตอนงาน อันตรายที่อาจเกิดขึ้น มาตรการควบคุม
วางแผนยกสินค้า ไม่สามารถยกได้อย่างสมดุล ใช้สายรัดหรืออุปกรณ์พิเศษ
ยกสินค้าเข้าส้อมยก สินค้าหล่นเพราะจุดศูนย์ถ่วงผิด ปรับตำแหน่งให้เหมาะสมก่อนยก
เคลื่อนย้ายสินค้า สินค้าติดแนวทาง ใช้ผู้ช่วยนำทาง ตรวจสอบขนาดพื้นที่
ขั้นตอนงาน อันตรายที่อาจเกิดขึ้น มาตรการควบคุม
เล็งตำแหน่งช่องวางสินค้า การกะระยะผิดพลาด ฝึกฝนการควบคุมพวงมาลัยอย่างแม่นยำ
ถอยเข้าชั้นวาง ชนชั้นวางหรือทำสินค้าหล่น ใช้ผู้ช่วยชี้ทาง, ติดตั้งกล้องหลัง
ยกสินค้าขึ้นวาง พาเลตไม่พอดีกับชั้นวาง ตรวจสอบขนาดพาเลตก่อนยกเข้าชั้น
  • ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของพนักงาน

  • ป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สิน เช่น ชั้นวาง พาเลต และสินค้า

  • สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร

  • ใช้เป็นเอกสารประกอบในการฝึกอบรมพนักงานใหม่

  • เสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริหารว่าองค์กรมีการบริหารจัดการความเสี่ยงเชิงระบบ

การอบรมและใบเซอร์โฟล์คลิฟท์: ปัจจัยสนับสนุนความปลอดภัย

แม้การทำ JSA จะช่วยลดอุบัติเหตุได้อย่างมาก แต่สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ “ทักษะของผู้ขับ” การอบรมและมีใบเซอร์รับรองการขับรถยกตามกฎหมายแรงงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพนักงานทุกคนที่เกี่ยวข้อง

ปัจจุบันมีศูนย์ฝึกอบรมหลายแห่งที่ได้รับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ซึ่งผู้สนใจสามารถค้นหาใบเซอร์โฟล์คลิฟท์ได้จากแหล่งฝึกอบรมที่มีคุณภาพ

(อ่านต่อที่: ใบเซอร์โฟล์คลิฟท์สามารถหาได้จากที่ไหน)

สรุป

การนำ Job Safety Analysis (JSA) มาใช้กับกิจกรรมการขับรถยก ไม่เพียงแต่ช่วยวิเคราะห์และควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากลักษณะงานและพื้นที่ปฏิบัติงาน แต่ยังช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของสถานประกอบกิจการโดยรวม ทั้งนี้ องค์กรควรบูรณาการการใช้ JSA เข้ากับกระบวนการอบรมผู้ขับรถยก และจัดให้มีการประเมินซ้ำเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่ามาตรการควบคุมต่าง ๆ ยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันอุบัติเหตุ


อ้างอิง

  1. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2565). แนวทางการปฏิบัติงานของรถยกในสถานประกอบกิจการ

  2. Occupational Safety and Health Administration (OSHA). (n.d.). Job Hazard Analysis. Retrieved from https://www.osha.gov/publications/osha3071

  3. International Labour Organization (ILO). (2021). Forklift Safety Guidelines.

  4. สมาคมความปลอดภัยในการทำงาน. (2564). คู่มือความปลอดภัยของผู้ขับรถยก.

  5. Wong, P. (2022). “Reducing Risks of Forklift Operation in Narrow Spaces,” Journal of Industrial Safety and Engineering, 12(3), 45–59.

เรื่องที่คุณอาจชอบ